วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รองเท้าที่ใช้เทคโนโลยีจากกระสวยอวกาศ


อาดิดาส SolarBOOST รองเท้าที่ใช้เทคโนโลยีจาก

กระสวยอวกาศ

                อาดิดาสปล่อย SolarBOOST รองเท้าที่ใช้เทคโนโลยีจากกระสวยอวกาศสุดล้ำสู่วงการกีฬาเป็นครั้งแรก
อาดิดาส รันนิ่ง เปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ล่าสุด โซลาร์บูสท์ (SolarBOOST)” สำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพในการใช้งาน ความนุ่มสบาย และการคืนพลังในขณะวิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โซลาร์บูสท์ คือรองเท้าวิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อการใช้งานเป็นหลัก โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิศวกรรมศาสตร์ของนาซ่าและเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของอาดิดาส จึงทำให้ โซลาร์บูสท์ เป็นรองเท้าวิ่งที่มีความเบา มีการใช้เทคโนโลยี Tailored Fibre Placement ในการจัดวางเส้นใย ซึ่งเป็นวัสดุจากพาร์ลี่ย์ (Parley)  อีกทั้งยังมีการตัดเย็บและนำมาประกอบอย่างสมบูรณ์แบบในทุกตารางมิลลิเมตร จนได้ออกมาเป็นรองเท้าที่มีทั้งความนุ่มสบาย ความกระชับ และการซัพพอร์ตที่เหนือกว่า แถมยังมีน้ำหนักเบา ทำให้นักวิ่งสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะใช้ความเร็วในการวิ่งหรือวิ่งในระยะทางในระดับไหนก็ตามนอกเหนือจากนี้ โซลาร์บูสท์ ยังผ่านการทดสอบการใช้งานจริงโดยเหล่านักวิ่งของกลุ่มอาดิดาส รันเนอร์ส ตามหัวเมืองหลักจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งในแต่ละที่ก็จะมีสภาพอากาศที่หลากหลายและแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน สำหรับคุณสมบัติพิเศษของรองเท้าวิ่ง โซลาร์บูสท์ ที่นอกจากจะมีน้ำหนักที่เบาและความทนทานแล้ว ยังมีเทคโนโลยีอันโดดเด่นที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยอาดิดาสอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต Tailored Fibre Placement มีการใช้ระบบข้อมูล Aramis ในการจัดวางตำแหน่งของเส้นใยที่ได้มาจากพาร์ลี่ย์ เพื่อประคองช่วงกลางลำเท้าของนักวิ่งให้มีสมดุลที่ดี พัฒนา Energy Rail ขึ้นมาใหม่ มีการออกแบบโครงสร้างให้มีน้ำหนักเบาและสามารถใช้งานร่วมกับพื้น BOOST เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการทรงตัวขณะวิ่งเสริมความกระชับมากขึ้น ใช้โครงสร้างพิเศษบริเวณส้นเท้าที่มีน้ำหนักเบาและมีส่วนช่วยในการประคองส้นเท้า เพื่อให้นักวิ่งสามารถขยับข้อเท้าได้อย่างมีอิสระมากขึ้น และยังมีความกว้างเพื่อรองรับส้นเท้าได้ดียิ่งขึ้นอีกด้ว พื้น BOOST ตอบสนองการเคลื่อนที่ได้สูงถึง 85% มีน้ำหนักเบา ช่วยเสริมการรองรับแรงกระแทกเพื่อคืนพลังให้กับนักวิ่ง Stretchweb ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แผ่นพื้นยางที่มีส่วนช่วยในการยึดเกาะกับพื้นได้เป็นอย่างดี สามารถปรับโครงสร้างให้เข้ากับการขยับของเท้าในทิศทางเดียวกัน


ขอขอบคุณ
ข้อมูล : Kaoja
เอกสารดาวน์โหลด 

เทคโนโลยีการรักษา แผลที่เท้า ของผู้ป่วยเบาหวาน


   เทคโนโลยีการรักษา "แผลที่เท้า" ของผู้ป่วย "เบาหวาน"

เทคโนโลยีการรักษา "แผลที่เท้า" ของผู้ป่วย "เบาหวาน"

แผลเบาหวานที่เท้า   (Diabetic Foot Ulcer)
  1. 85% ของผู้ป่วยเบาหวานที่ถูกตัดเท้ามีแผลบริเวณเท้ามาก่อน
  2. 40% - 70% ของโรคเบาหวานมีความเสี่ยงต่อการถูกตัดขา/เท้า
  3. ทุกๆ 30 วินาทีมีผู้ป่วยเบาหวานสูญเสียเท้าจากการถูกตัดขา/เท้า
  4. 1 ใน 6 รายของผู้ป่วยเบาหวาน ต้องเคยมีบาดแผลอย่างน้อย 1 ครั้งโรคเบาหวานเป็นสาเหตุหลักของการถูกตัดขาหรือเท้า ซึ่งการถูกตัดเท้าในผู้ป่วยเบาหวานส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมากเพราะ ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่น ทำให้อาจสูญเสียงานและอยู่ในสภาพที่ต้องการการฟื้นฟูในช่วงแรก ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งเทคโนโลยี การรักษาฟื้นฟูผู้ป่วยแผลเบาหวานที่เท้า จะสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องตัดขาทิ้ง พร้อมทั้งให้ข้อมูลในการป้องกันและการดูแลผิวหนัง ให้เหมาะสำหรับผู้ป่วยในแต่ละบุคคล เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากแผลและลดโอกาสของการสูญเสียอวัยวะของผู้ป่วย ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยเป็นสำคัญ  โดยเทคโนโลยีการรักษาที่ใช้ ได้แก่
1.Ultrasonic ( เทคโนโลยีการเลาะเนื้อเยื่อเล็ก )   เครื่องมือที่จะช่วยการรักษาแผลเป็น โดยวิธีปล่อยคลื่นความถี่ต่ำไปบริเวณผิวหนังที่เป็นแผล ลักษณะการทำงานจะมีฟองก๊าซ ขนาดเล็กคล้ายโพรงอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดเนื้อเยื่อไขมันในเซลล์  
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :พญ. พุฒินาท ลิ้มสุวรรณ แพทย์ประจำศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่เท้า โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
ภาพ :iStock

นักอนาคตศาสตร์ใน30ปี เทคโนโลยีจะช่วยให้คนมีชีวิต อมตะ


นักอนาคตศาสตร์เชื่อ ใน 30 ปี เทคโนโลยีจะช่วยให้คนมีชีวิต อมตะ นักอนาคตศาสตร์เชื่อ ใน 30 ปี เทคโนโลยีจะช่วยให้คนมีชีวิต “อมตะ”


เชื่อกันว่าภายใน 3 ทศวรรษ เทคโนโลยีล้ำสมัยจะช่วยให้คนที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2513 มีชีวิต “อมตะ”
ความคิดนี้มาจากการคาดคะเนของดร. Ian Pearson นักอนาคตศาสตร์ (futurologist) ระดับแนวหน้า ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีเชื่อได้ว่าคนที่มีชีวิตอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2593 อาจมีชีวิตที่เป็นอมตะ
ดร. Pearson อ้างถึงเทคโนโลยีหลายอย่างที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ ซึ่งรวมถึงพันธุวิศวกรรมที่จะช่วยคืนความเป็นหนุ่มสาวให้กับเซลล์ในร่างกายและไบโอเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างอวัยวะใหม่ขึ้นมาทดแทนอวัยวะที่เสื่อมสภาพไป ไม่มีใครอยากเป็นอมตะในสภาพของคนอายุ 80-90 หรอก ถ้าทำได้ใคร ๆ ก็อยากให้ตัวเองเหมือนเมื่อตอนอายุ 20-30 ด้วยกันทั้งนั้น
ดร. Pearson ยังมองว่าชีวิตที่ไม่มีวันตายอาจไม่ได้หมายถึงการยึดติดกับร่างกายเดิม ถ้าอุปสรรคของชีวิตอมตะคือร่างกายที่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ต่อไปอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถอัปโหลดจิตสำนึกไปเก็บไว้ใน “clound” จากนั้นก็ดาวน์โหลดใส่แอนดรอยด์หรือหุ่นยนต์เหมือนคนแบบไหนที่ไหนก็ได้ทั่วโลก หมายความว่าแม้สังขารจะร่วงโรยไปแต่จิตสำนึกของเราจะยังคงอยู่ตลอดไป ถึงตอนนั้นคุณอาจเลือกหุ่นยนต์ที่ดูอายุเท่าไหร่ก็ได้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้
ดร. Pearson เชื่อว่าเทคโนโลยีทั้งหลายทั้งปวงเพื่อชีวิตที่เป็นอมตะนี้เกิดได้ภายในปี 2593 หรืออีกประมาณ 30 ปี ถ้าคุณเกิดหลังปี 2513 ปีนี้คุณอายุ 48 คนที่อายุไม่ถึง 50 ถือว่ายังมีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีนี้ หรือก็คือมีโอกาสจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ ส่วนคนที่ตอนนี้ยังอายุไม่ถึง 40 คุณได้รับโอกาสนั้นแน่นอนในช่วงแรกค่าใช้จ่ายจะต้องสูงมากแน่ ๆ ซึ่งจะมีเพียงมหาเศรษฐีเท่านั้นที่เอื้อมถึง แต่ให้หลังประมาณ 10 ปี ชนชั้นกลางทั่วไปก็น่าจะเข้าถึงได้
ขอบคุณ
เนื้อหา: https://www.sanook.com/campus/1389637/
เอกสารดาวน์โหลด

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561